top of page

Digital Marketing Mindset

วิธีคิดพิชิตตลาดดิจิทัล

✅ “3 เรื่อง” ที่คุณต้องรู้ ก่อนที่คุณจะ “สร้างแบรนด์” และ “ทำตลาดออนไลน์” อย่างจริงจัง

✅ ขอแนะนำหลักสูตร Digital Marketing Mindset (วิธีคิดพิชิตตลาดดิจิทัล) โดยหลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรสำหรับเจ้าของกิจการเท่านั้น ไม่สามารถส่งทีมงานหรือผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของมาเรียนแทนได้

✅ หลักสูตร Digital Marketing Mindset เหมาะสำหรับ

1. หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท
2. แบรนด์ที่จำหน่าย สินค้า/บริการ ราคาสูง
3. แบรนด์ที่ต้องการปิดการขายลูกค้ารายใหญ่
4. แบรนด์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสายต่าง ๆ
5. แบรนด์ที่ลงทุนทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง
6. แบรนด์ที่ลงทุนสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง
7. แบรนด์ที่ต้องการทำ Digital Transformation
8. แบรนด์ที่ต้องการยกระดับของแบรนด์ให้สูงกว่าเดิม
9. แบรนด์ที่ต้องการขยายขนาดของธุรกิจ
10. แบรนด์ที่ติดเพดานหรือเจอทางตัน

เนื้อหาของหลักสูตร Digital Marketing Mindset

✅ เนื้อหาของหลักสูตรนี้ จะไม่เหมือนหลักสูตรใด ที่คุณเคยเรียน (ฟีดแบคจากผู้เรียน) โดยจะมีการวิเคราะห์และออกแบบแบรนด์ให้กับผู้เรียนทุกท่านด้วย ท่านละ 1 แบรนด์ เพื่อให้ได้แบรนด์ที่ ชัด แพง ต่าง และอยู่ในรูปแบบของมืออาชีพ

✅ บรรยาย+วิเคราะห์+ออกแบบ 1 วัน และ ให้คำปรึกษาหลังเรียนจบ 2 เดือน โดย คุณอลงกรณ์ ดอกดวง (Founder & MD of BRANDING.co.th) ประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการสอนและให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์และการทำตลาดออนไลน์

✅ หลักสูตร Digital Marketing Mindset (วิธีคิดพิชิตตลาดดิจิทัล) ถือเป็น “กระดุมเม็ดแรก” ของการทำ Digital Marketing เพราะเป็นการมองภาพรวมและกำหนดทิศทางที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเป็นการวางรากฐานที่สำคัญ, ทรงพลัง, ยั่งยืน และมีความเป็นมืออาชีพ ให้กับแบรนด์ของคุณตั้งแต่เริ่มต้น

✅ การให้บริการทั้งหมดของหลักสูตร Digital Marketing Mindset จะอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) จะไม่ถ่ายภาพผู้เรียน จะไม่สัมภาษณ์ผู้เรียน จะไม่ทำรีวิวผู้เรียน จะไม่โพสต์กิจกรรมลงสื่อออนไลน์ โดยที่ผู้เรียนไม่ได้อนุญาต

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


✅ เนื้อหาของหลักสูตร

1. กลยุทธ์ในการทำ Digital Marketing

• ที่ทรงพลัง
• มีวิธีการลงมือทำที่ชัดเจน
• มีความแตกต่าง
• มีประสิทธิภาพสูง
• มีความเป็นมืออาชีพ
• มีความยั่งยืน
• เข้าใจง่าย ทำได้จริง
• เรียนรู้เรื่องทุกคน ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่เก่งก็เรียนได้ แค่เป็นเจ้าของกิจการ

2. กลยุทธ์ในการ “วางระบบ” ก่อนทำตลาดออนไลน์. (คืออย่าเพิ่งทำตลาด แต่ให้วางระบบก่อน)

• จะแนะนำเครื่องมือที่ใช้
• จะแนะนำวิธีการ (จะไม่ได้พาทำ เพียงให้รู้แนวทาง อาจไปศึกษาเพื่อทำเอง หรือไปจ้างคนอื่นทำให้)

3. กลยุทธ์ในการ “ออกแบบธุรกิจ” ให้ “ชัด แพง ต่าง” และอยู่ในรูปแบบของ “มืออาชีพ” ก่อนที่จะสร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์

• จะทำให้แบรนด์ของคุณ มีจุดขายที่ชัดเจน, มีความเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน, มีความแตกต่าง, มีความน่าเชื่อถือสูง และมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งจะส่งผลต่อการขายสินค้าราคาสูง และจะเพิ่มโอกาสในการปิดการขายลูกค้ารายใหญ่

• เราไม่ได้ให้คุณเฟค, หลอกลวงผู้บริโภค, โฆษณาเกินจริง หรือไม่ตรงปก แต่เราจะพูดถึงกลยุทธ์ในการพรีเซนต์ “ของแพง” ที่คุณมีอยู่ ให้ได้ราคาตามจริง ไม่ให้เสียของ

4. สงครามอวกาศ vs การตลาดออนไลน์ มาดูกันว่า ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการทำสงครามอวกาศของคุณ มีโอกาสที่จะชนะหรือไม่

5. Mindset ในการสร้างแบรนด์ และทำ Digital Marketing อย่างยั่งยืน อย่างเป็นระบบ จากประสบการณ์กว่า 10 ปี โดย ผู้ก่อตั้ง BRANDING.co.th

6. การวางแผน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของ Social Media เช่น Facebook หรือช่องทางอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณอย่างรุนแรง

7. การวางแผนอย่างชาญฉลาด ก่อนซื้อโฆษณา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า อย่างชัดเจน

8. เนื้อหาที่อาจเกิดจากการตั้งคำถามของผู้เรียน

9. ยังมีเนื้อหาอื่น ๆ อีก (ของดีแน่นอน)

10. บรรยายเป็นภาษาไทย ด้วยภาษาง่าย ๆ ไม่มีศัพท์การตลาด

11. พิเศษ ผู้บรรยายจะช่วยวิเคราะห์แบรนด์ให้กับผู้เรียนทุกท่าน อย่าลืมแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจในแบบฟอร์มลงทะเบียนเรียน เพื่อที่ผู้บรรยายจะนำไปทำการบ้านล่วงหน้า

12. หลักสูตร Digital Marketing Mindset เป็นแบบ กึ่งบรรยาย กึ่ง Consult ผู้บรรยายจะช่วยวิเคราะห์แบรนด์ให้กับผู้เรียนทุกท่าน ท่านละ 1 แบรนด์ (ในแง่ของการทำ Digital Marketing) โดยจะเอาของจริงขึ้นมาคุยเลย จะไม่ทฤษฎีเยอะ จะไม่มี PowerPoint

13. หลังเรียนจบ ผู้บรรยายจะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับผู้เรียน 2 เดือน สามารถขอคำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน 3 ช่องทาง คือ โทรศัพท์ 097-225-2555, LINE ID @branding และ Messenger

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


❌ สิ่งที่หลักสูตรนี้ไม่ได้สอน

1. หลักสูตรนี้ ไม่ได้พาผู้เรียนเริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ แต่เป็นหลักสูตรสำหรับผู้ที่มีธุรกิจแล้ว และต้องการสร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง

2. หลักสูตรนี้ ไม่ได้สอนการบริหารธุรกิจ ไม่ได้สอนการบริหารจัดการภายในองค์กร เช่น การบริหารคน, การพัฒนาสินค้า, การผลิต เป็นต้น

. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้บรรยายโดยตรง (คุณอลงกรณ์ ดอกดวง, Founder & MD of BRANDING.co.th)

ทางบริษัทได้รับข้อมูลการลงทะเบียนเรียนของท่านแล้ว และจะติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด

ข้อมูลออก ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี (ไม่บังคับ)

ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ (ไม่บังคับ)

ขั้นตอนการลงทะเบียนเรียน

1️⃣ ทัก LINE เพื่อเชื่อมต่อการให้บริการ และผู้บรรยายจะสอบถามข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับผู้เรียน

2️⃣ กรอกข้อมูลในแบบฟอร์มลงทะเบียนเรียน ที่อยู่ด้านล่าง (กรณี 2 ท่าน ขึ้นไป ให้ลงทะเบียนทีละท่านจนครบ)

3️⃣ ชำระเงิน โดยโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของบริษัท KBank 9542180827 แล้วแจ้งโอนเงินทาง LINE

แบบฟอร์มลงทะเบียนเรียน
ข้อมูลผู้เรียน

ลงทะเบียนเรียน

หลักสูตร

Digital Marketing Mindset

วิธีคิดพิชิตตลาดดิจิทัล

เรียนที่ บริษัท แบรนดิ้ง แอนด์ โซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง สแทรททิจิ (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ ซอย สายไหม 56 (คลิกหมุดสีแดง เพื่อดู Google Maps)

ลูกค้าที่รวมกลุ่มกันมา 3 ท่าน หรือ เรียนท่านเดียว แบบ Private สามารถเลือกวันเรียนได้เอง

เวลาเรียน 10:00 - 18:00 น. (เริ่มบรรยายตรงเวลา)

รวมกลุ่มกันมา 3 ท่าน หรือ เรียนท่านเดียว แบบ Private

ค่าหลักสูตร (รวม VAT 7% แล้ว)
- เรียนท่านเดียว แบบ Private 39,900 บาท
- เรียน 3 ท่าน 19,900 บาท/ท่าน
(หลังเรียนจบ ผู้บรรยายเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ 2 เดือน สามารถติดต่อได้ 24 ชม.)

✅ เรื่องที่ 1

คิดจะจับวาฬ (ลูกค้ากลุ่มบน) คุณต้องขุดอ่าวให้กว้างและลึก พอที่วาฬจะว่ายเข้ามาได้

✅ จงอย่าคุยเรื่องราคากับวาฬ

ลูกค้าระดับบน หรือที่เราเรียกว่า “วาฬ” ไม่ใช่กลุ่มที่กังวลเรื่องเงิน พวกเขามีกำลังซื้อสูงกว่าลูกค้ากลุ่มอื่น และพร้อมจะจ่ายเพื่อสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้อย่างแท้จริง

สิ่งที่พวกเขามองหาจึงไม่ใช่ “ราคาที่ถูก” แต่คือ “สิ่งที่พิเศษ” ซึ่งหาไม่ได้ง่าย ๆ ในตลาดทั่วไป

วาฬไม่ได้มองหาแค่สินค้า พวกเขามองหาประสบการณ์ ความหมาย และคุณค่าที่ตรงใจ ดังนั้น สิ่งสำคัญไม่ใช่การลดราคา แต่คือการสร้างแบรนด์ที่ “โดดเด่น” และ “สมฐานะ” ของพวกเขา

ลูกค้ากลุ่มวาฬไม่ได้มองหาสินค้าหรือบริการที่ “ราคาสูงที่สุด” แต่พวกเขาต้องการสิ่งที่สะท้อนถึง “ความพิเศษ” และ “คุณค่าที่แตกต่าง” ในแบบ “ระดับบน” ดังนั้น การสร้างแบรนด์ที่ “ชัด, แพง (ระดับบน), ต่าง และเป็นแบรนด์ระดับมืออาชีพ” จะทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้มองว่าแบรนด์ของคุณคือสิ่งที่คู่ควร

จงทำให้แบรนด์ของคุณสะท้อนความเป็น “ตัวเลือกที่ดีที่สุด” แล้ววาฬจะเลือกคุณโดยไม่สนใจเรื่องราคา เพราะวาฬไม่ได้มองหาแค่สินค้า แต่พวกเขามองหาสิ่งที่บ่งบอก “ตัวตน” และ “สถานะ” ในแบบของพวกเขา

ดังนั้น การดึงดูดลูกค้ากลุ่มวาฬ จึงไม่ใช่เรื่องการ “ลดราคา” หรือ “การแข่งขันในตลาดทั่วไป” แต่คือการสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น มีคุณค่า และสะท้อนความพิเศษ ที่พวกเขากำลังมองหา

หากคุณสามารถออกแบบแบรนด์ที่ “ชัด, แพง (ระดับบน), ต่าง และเป็นแบรนด์ระดับมืออาชีพ” ลูกค้ากลุ่มนี้จะไม่ลังเลที่จะเลือกคุณ เพราะพวกเขาไม่ได้มองหา “ราคาถูกที่สุด” แต่พวกเขาต้องการ “สิ่งที่ดีที่สุด”

เมื่อแบรนด์ของคุณเป็นแบรนด์ที่ลูกค้ากลุ่มวาฬมองว่า “ไม่มีใครมาแทนคุณได้” พวกเขาจะเลือกคุณโดยไม่ต้องพูดถึงเรื่องราคาเลย

✅ 3 องค์ประกอบ ที่ดึงดูดใจวาฬ

1. มีความพิเศษ (Exclusivity)

• ลูกค้ากลุ่มนี้ชื่นชอบสิ่งที่ “ไม่เหมือนใคร” และ “ไม่ใช่ของที่ใครก็เข้าถึงได้”

• คุณต้องทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำในฐานะเป็นสิ่งที่ “เอ็กซ์คลูซีฟ” ผ่านการออกแบบสินค้า บริการ หรือประสบการณ์ที่พวกเขารู้สึกว่า “มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น” เช่น การปรับแต่งสินค้าส่วนตัว (Customization) การสร้างคอนเซปต์ที่ลึกซึ้ง หรือการออกแบบประสบการณ์ที่ตอบโจทย์เฉพาะบุคคล

2. มีความเกินมาตรฐาน (Beyond Excellence)

• วาฬไม่ได้มองหาสิ่งที่ “ดีพอ” แต่ต้องการสิ่งที่ “ดีที่สุด”

• คุณต้องสร้างความประทับใจที่เหนือความคาดหวัง ทั้งในด้านคุณภาพสินค้า การให้บริการ และความเอาใจใส่ในรายละเอียด ตัวอย่างเช่น บริการที่เป็นส่วนตัว (Personalized Service) หรือสินค้าที่มีมาตรฐานระดับโลก

3. มีความสมฐานะ (Prestige & Professionalism)

• ลูกค้ากลุ่มนี้มักเลือกแบรนด์ที่สะท้อนถึงความหรูหราและคุณค่าในแบบที่สมฐานะของพวกเขา

• คุณต้องออกแบบแบรนด์ให้ดู “เป็นแบรนด์ระดับมืออาชีพ” ในทุกมิติ ตั้งแต่ดีไซน์ โลโก้ การสื่อสาร ไปจนถึงวิธีการปฏิบัติกับลูกค้า

✅ เคล็ดลับสร้างแบรนด์ที่ดึงดูดวาฬ

1. “ชัด” – ต้องมีความชัดเจนในจุดยืนของแบรนด์

• แบรนด์ต้องสื่อสารให้ชัดเจนว่า “เราเป็นใคร” และ “เรามอบอะไรให้กับลูกค้า”

• คุณต้องทำให้วาฬเข้าใจทันทีว่าแบรนด์ของคุณมีความโดดเด่นในแง่ไหน และทำไมพวกเขาจึงควรเลือกคุณ

2. “แพง” (ระดับบน) – ต้องสะท้อนความเป็นแบรนด์ระดับพรีเมียมในทุกมิติ

• การนำเสนอแบรนด์ในลักษณะที่สะท้อนถึงความ “เหนือระดับ” เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับการดึงดูดลูกค้ากลุ่มวาฬ

• ไม่ใช่แค่เรื่องราคาสูง แต่คือการสื่อสารว่าแบรนด์ของคุณมอบคุณค่าและประสบการณ์ที่แตกต่างอย่างล้ำลึก เช่น ความพิถีพิถันในคุณภาพสินค้า การออกแบบที่มีเอกลักษณ์ หรือการบริการที่ดูแลลูกค้าในแบบเฉพาะตัว

• ความระดับบน จะทำให้ลูกค้ากลุ่มวาฬรู้สึกว่าแบรนด์ของคุณคือคำตอบ เพราะอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขา (สมฐานะ)

3. “ต่าง” – มีความแตกต่างที่ยากจะเลียนแบบ

• แบรนด์ต้องสร้างจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของแบรนด์ คุณลักษณะของสินค้า หรือประสบการณ์ที่แบรนด์มอบให้

• ยิ่งคุณสามารถสร้างสิ่งที่ “แตกต่าง” ในลักษณะที่ลูกค้าระดับบนมองว่าเป็นเอกลักษณ์ ก็ยิ่งจะทำให้แบรนด์ของคุณดูน่าสนใจ

4. “ความเป็นมืออาชีพ” – มีความเชี่ยวชาญและมีมาตรฐานสูง

• ลูกค้ากลุ่มวาฬจะเลือกทำธุรกิจกับ “ผู้เชี่ยวชาญ” ไม่ใช่แบรนด์ที่ดูสมัครเล่น

• คุณต้องแสดงความน่าเชื่อถือในทุกด้าน เช่น การจัดการธุรกิจอย่างมีระบบ ความน่าเชื่อถือในงานดีไซน์ การส่งมอบสินค้าหรือบริการตรงเวลา และความสามารถในการแก้ไขปัญหาอย่างมืออาชีพ

  • ✅ เนื้อหาของหลักสูตรนี้ จะไม่เหมือนหลักสูตรใด ที่คุณเคยเรียน (ฟีดแบคจากผู้เรียน) โดยจะมีการวิเคราะห์และออกแบบแบรนด์ให้กับผู้เรียนทุกท่านด้วย ท่านละ 1 แบรนด์ เพื่อให้ได้แบรนด์ที่ ชัด แพง ต่าง และอยู่ในรูปแบบของมืออาชีพ

    ✅ บรรยาย+วิเคราะห์+ออกแบบ 1 วัน และ ให้คำปรึกษาหลังเรียนจบ 2 เดือน โดย คุณอลงกรณ์ ดอกดวง (Founder & MD of BRANDING.co.th) ประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการสอนและให้คำปรึกษา เกี่ยวกับการสร้างแบรนด์และการทำตลาดออนไลน์

    ✅ หลักสูตร Digital Marketing Mindset (วิธีคิดพิชิตตลาดดิจิทัล) ถือเป็น “กระดุมเม็ดแรก” ของการทำ Digital Marketing เพราะเป็นการมองภาพรวมและกำหนดทิศทางที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งเป็นการวางรากฐานที่สำคัญ, ทรงพลัง, ยั่งยืน และมีความเป็นมืออาชีพ ให้กับแบรนด์ของคุณตั้งแต่เริ่มต้น

    ✅ การให้บริการทั้งหมดของหลักสูตร Digital Marketing Mindset จะอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) จะไม่ถ่ายภาพผู้เรียน จะไม่สัมภาษณ์ผู้เรียน จะไม่ทำรีวิวผู้เรียน จะไม่โพสต์กิจกรรมลงสื่อออนไลน์ โดยที่ผู้เรียนไม่ได้อนุญาต

    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


    ✅ เนื้อหาของหลักสูตร

    1. กลยุทธ์ในการทำ Digital Marketing

    • ที่ทรงพลัง
    • มีวิธีการลงมือทำที่ชัดเจน
    • มีความแตกต่าง
    • มีประสิทธิภาพสูง
    • มีความเป็นมืออาชีพ
    • มีความยั่งยืน
    • เข้าใจง่าย ทำได้จริง
    • เรียนรู้เรื่องทุกคน ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่เก่งก็เรียนได้ แค่เป็นเจ้าของกิจการ

    2. กลยุทธ์ในการ “วางระบบ” ก่อนทำตลาดออนไลน์. (คืออย่าเพิ่งทำตลาด แต่ให้วางระบบก่อน)

    • จะแนะนำเครื่องมือที่ใช้
    • จะแนะนำวิธีการ (จะไม่ได้พาทำ เพียงให้รู้แนวทาง อาจไปศึกษาเพื่อทำเอง หรือไปจ้างคนอื่นทำให้)

    3. กลยุทธ์ในการ “ออกแบบธุรกิจ” ให้ “ชัด แพง ต่าง” และอยู่ในรูปแบบของ “มืออาชีพ” ก่อนที่จะสร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์

    • จะทำให้แบรนด์ของคุณ มีจุดขายที่ชัดเจน, มีความเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน, มีความแตกต่าง, มีความน่าเชื่อถือสูง และมีความเป็นมืออาชีพ ซึ่งจะส่งผลต่อการขายสินค้าราคาสูง และจะเพิ่มโอกาสในการปิดการขายลูกค้ารายใหญ่

    • เราไม่ได้ให้คุณเฟค, หลอกลวงผู้บริโภค, โฆษณาเกินจริง หรือไม่ตรงปก แต่เราจะพูดถึงกลยุทธ์ในการพรีเซนต์ “ของแพง” ที่คุณมีอยู่ ให้ได้ราคาตามจริง ไม่ให้เสียของ

    4. สงครามอวกาศ vs การตลาดออนไลน์ มาดูกันว่า ยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการทำสงครามอวกาศของคุณ มีโอกาสที่จะชนะหรือไม่

    5. Mindset ในการสร้างแบรนด์ และทำ Digital Marketing อย่างยั่งยืน อย่างเป็นระบบ จากประสบการณ์กว่า 10 ปี โดย ผู้ก่อตั้ง BRANDING.co.th

    6. การวางแผน เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของ Social Media เช่น Facebook หรือช่องทางอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณอย่างรุนแรง

    7. การวางแผนอย่างชาญฉลาด ก่อนซื้อโฆษณา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า อย่างชัดเจน

    8. เนื้อหาที่อาจเกิดจากการตั้งคำถามของผู้เรียน

    9. ยังมีเนื้อหาอื่น ๆ อีก (ของดีแน่นอน)

    10. บรรยายเป็นภาษาไทย ด้วยภาษาง่าย ๆ ไม่มีศัพท์การตลาด

    11. พิเศษ ผู้บรรยายจะช่วยวิเคราะห์แบรนด์ให้กับผู้เรียนทุกท่าน อย่าลืมแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจในแบบฟอร์มลงทะเบียนเรียน เพื่อที่ผู้บรรยายจะนำไปทำการบ้านล่วงหน้า

    12. หลักสูตร Digital Marketing Mindset เป็นแบบ กึ่งบรรยาย กึ่ง Consult ผู้บรรยายจะช่วยวิเคราะห์แบรนด์ให้กับผู้เรียนทุกท่าน ท่านละ 1 แบรนด์ (ในแง่ของการทำ Digital Marketing) โดยจะเอาของจริงขึ้นมาคุยเลย จะไม่ทฤษฎีเยอะ จะไม่มี PowerPoint

    13. หลังเรียนจบ ผู้บรรยายจะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับผู้เรียน 2 เดือน สามารถขอคำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน 3 ช่องทาง คือ โทรศัพท์ 097-225-2555, LINE ID @branding และ Messenger

    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .


    ❌ สิ่งที่หลักสูตรนี้ไม่ได้สอน

    1. หลักสูตรนี้ ไม่ได้พาผู้เรียนเริ่มต้นก่อตั้งธุรกิจ แต่เป็นหลักสูตรสำหรับผู้ที่มีธุรกิจแล้ว และต้องการสร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง

    2. หลักสูตรนี้ ไม่ได้สอนการบริหารธุรกิจ ไม่ได้สอนการบริหารจัดการภายในองค์กร เช่น การบริหารคน, การพัฒนาสินค้า, การผลิต เป็นต้น

    . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้บรรยายโดยตรง (คุณอลงกรณ์ ดอกดวง, Founder & MD of BRANDING.co.th)

    16 x 9
  • ✅ หลักสูตร Digital Marketing Mindset เป็นหลักสูตรสำหรับเจ้าของกิจการเท่านั้น ไม่สามารถส่งทีมงานหรือผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของมาเรียนแทนได้

    1. หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท

    2. แบรนด์ที่จำหน่าย สินค้า/บริการ ราคาสูง

    3. แบรนด์ที่ต้องการปิดการขายลูกค้ารายใหญ่

    4. แบรนด์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในสายต่าง ๆ

    5. แบรนด์ที่ลงทุนทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง

    6. แบรนด์ที่ลงทุนสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง

    7. แบรนด์ที่ต้องการทำ Digital Transformation

    8. แบรนด์ที่ต้องการยกระดับของแบรนด์ให้สูงกว่าเดิม

    9. แบรนด์ที่ต้องการขยายขนาดของธุรกิจ

    10. แบรนด์ที่ติดเพดานหรือเจอทางตัน

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้บรรยายโดยตรง (คุณอลงกรณ์ ดอกดวง, Founder & MD of BRANDING.co.th)

    16 x 9
  • วัน, เวลา และสถานที่เรียน หลักสูตร DIGITAL CEO BRANDING (Shortcut 2025)

    ✅ ลูกค้าสามารถเลือกวันเรียนได้เอง (เฉพาะลูกค้าที่รวมกลุ่มกันมา 3 ท่าน หรือ ลูกค้าที่เรียนท่านเดียว แบบ Private)

    ✅ เวลาเรียน 10:00 - 18:00 น.

    ✅ เรียนที่ บริษัท แบรนดิ้ง แอนด์ โซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง สแทรททิจิ (ประเทศไทย) จำกัด อยู่ ซอย สายไหม 56

    คลิกหมุดสีแดง เพื่อดู Google Maps

    16 x 9

  • ✅ รูปแบบการเรียน

    1. หลักสูตรนี้ เป็นแบบ กึ่งบรรยาย กึ่ง Consult ผู้บรรยายจะช่วยวิเคราะห์ธุรกิจของลูกค้าที่มาเรียน ในแง่ของการสร้างแบรนด์และการทำ Digital Marketing โดยจะเอาธุรกิจของผู้เรียนแต่ละท่าน ขึ้นจอวิเคราะห์กันเลย จะไม่ทฤษฎีเยอะ จะไม่มี PowerPoint

    2. ไม่ใช่ Workshop แบบจับมือทำ ไม่ได้พายิง Ads ไม่ได้พาเขียน Content ที่คุณรู้แล้ว แต่จะพูดถึงวิสัยทัศน์ในการทำ Digital Marketing ที่ยั่งยืน, แตกต่าง, มีประสิทธิภาพ และมีความเป็นมืออาชีพ

    3. จัดห้องเรียนแบบโต๊ะประชุม

    4. เปิดให้ ถาม-ตอบ ระหว่างเรียน (Two-way Communication)

    5. การให้บริการทั้งหมดของหลักสูตร Digital Marketing Mindset จะอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) จะไม่ถ่ายภาพหรือสัมภาษณ์ผู้เรียน โดยที่ผู้เรียนไม่ได้อนุญาต

    6. บรรยายและเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับผู้เรียน 2 เดือน โดย คุณอลงกรณ์ ดอกดวง (Founder & MD of BRANDING.co.th)

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้บรรยายโดยตรง

    16 x 9
  • ✅ การสร้างแบรนด์ และการทำ Digital Marketing เป็น “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ที่ต้องมีชั่วโมงบินที่มากพอ จึงจะจับต้นชนปลายถูก และการถ่ายทอดจากประสบการณ์จริง ที่หวังผลในทางปฏิบัติ จำเป็นที่ผมและผู้เรียนจะต้องมาเจอหน้ากันจริง ๆ เพราะมันมีรายละเอียดที่ต้องเก็บ นี่คือเหตุผลว่าทำไมผมจึงยังไม่มีหลักสูตรออนไลน์ในตอนนี้ เพราะผมยังไม่มีวิธีสอนออนไลน์ที่ให้ผลลัพธ์แบบที่ผมต้องการ

    ✅ หลักสูตรของผม จะรับผู้เรียนครั้งละไม่กี่ท่านเท่านั้น เช่น 3 ท่าน, 5 ท่าน, 10 ท่าน และหลังเรียนจบ ผมจะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับผู้เรียนทุกท่านด้วย เพราะผมเชื่อว่า หากให้ผู้เรียนไปทำเองตามลำพัง จะทำให้ไปช้ามาก ๆ และอาจไม่ตรงตามกลยุทธ์ของหลักสูตร โดยการเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับผู้เรียน ผมจะทำหน้าที่ 3 อย่างนี้

    1. การโค้ช (Coaching)
    2. เป็นพี่เลี้ยง (Mentoring) และ
    3. เวิร์คช็อป (Workshop) แบบจับมือทำ (ไม่ทุกหลักสูตร)

    โดยผู้เรียนสามารถขอคำปรึกษาได้ทุกช่องทาง ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน

    (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใน “ข้อตกลง & เงื่อนไข”)

    ✅ ผมเริ่มพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลอย่างจริงจัง เมื่อ ปี 2543 (แต่เริ่มให้บริการ เมื่อ ปี 2555) เพื่อแก้ปัญหาให้กับธุรกิจ สิ่งที่ผมทำคือการ “ประยุกต์” แล้ว “เชื่อมโยง” องค์ความรู้ทั้งหมดที่ผมมีอยู่

    ผมพัฒนาตัวเอง และสะสมทักษะด้านดิจิทัลมาเรื่อย ๆ ผ่านการลงมือทำ มันคือการ “พล็อตจุด” ลงบนแผ่นกระดาษมานานกว่า 20 ปี มีทั้งจุดที่แสนจะธรรมดาและจุดที่ค่อนข้างซับซ้อน จุดที่ถูกพล็อตลงบนแผ่นกระดาษของผม ไม่ได้มีแค่ทักษะด้านดิจิทัลเท่านั้น

    แต่ยังรวมถึงศาสตร์และศิลป์ทั้งหมดที่อยู่บนเส้นทางการพัฒนาตัวเองของผม เพราะเพื่อที่จะแก้ปัญหาหนึ่ง ๆ การใช้ทักษะด้านดิจิทัลเพียงมิติเดียว นั้นยังไม่พอ เราต้องประยุกต์แล้วเชื่อมโยงองค์ความรู้ทั้งหมดที่เรามี เพื่อแก้ปัญหานั้น ๆ ด้วย

    ทุกทักษะ ทุกศาสตร์ ทุกศิลป์ คือจุดหนึ่งจุดบนแผ่นกระดาษ เมื่อแผ่นกระดาษของเรามีจำนวนจุดที่มากพอ และหลายมิติพอ ก็จะทำให้เราสามารถลากเส้นต่อกันให้กลายเป็น “รูปร่าง” ได้

    ตัวอย่างเช่น “การสร้างแบรนด์” เราต้องใช้จุดจำนวนมาก เพื่อลากเส้นต่อกัน ให้มันกลายเป็น “รูปร่าง” และไม่ได้ใช้แค่ทักษะด้านดิจิทัลเพียงมิติเดียวเท่านั้น แต่ต้องประยุกต์แล้วเชื่อมโยงศาสตร์และศิลป์ทั้งหมดที่เรามีอยู่ เพื่อสร้างแบรนด์

    ✅ ขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้ความสนใจ หลักสูตร Digital Marketing Mindset (วิธีคิดพิชิตตลาดดิจิทัล)

    อลงกรณ์ ดอกดวง
    • Founder & MD of BRANDING.co.th
    • ผู้บรรยายและให้คำปรึกษา หลักสูตร Digital Marketing Mindset

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้บรรยายโดยตรง

    16 x 9
  • ❌ สิ่งที่ไม่มีให้ผู้เรียน

    1. ไม่มีเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคช่วยแก้ไขในกรณีที่ Notebook หรืออุปกรณ์ของผู้เรียนขัดข้อง

    ________________________________


    ✅ สิ่งที่มีให้ผู้เรียน

    1. มีที่จอดรถให้ผู้เรียนทุกท่าน

    2. มีสมุดและปากกาให้ผู้เรียนทุกท่าน

    3. มีสัญญาณ WiFi ให้ผู้เรียนทุกท่าน

    4. มีปลั๊กไฟฟ้าให้ผู้เรียนทุกท่าน

    5. มีอาหารกลางวัน, เบรค เช้า-บ่าย และน้ำดื่มแบบขวด ให้ผู้เรียนทุกท่าน

    หมายเหตุ : ลูกค้าที่เป็นมุสลิม, ทานมังสวิรัติ หรือมีความต้องการพิเศษ กรุณาแจ้งเพิ่มเติมทาง LINE

    16 x 9
  • การเตรียมตัวของผู้เรียน

    ✅ หลักสูตรนี้ไม่ใช่ Workshop แบบจับมือทำ แต่จะเป็นการทำความเข้าใจ การทำ Digital Marketing ในภาพรวม อย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน เป็นมืออาชีพ และจัดการง่าย เพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจน รวดเร็ว และยั่งยืน

    ________________________________


    ❌ สิ่งที่ไม่มีให้ผู้เรียน

    1. ไม่มีเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคช่วยแก้ไขในกรณีที่ Notebook หรืออุปกรณ์ของผู้เรียนขัดข้อง

    ________________________________


    ✅ สิ่งที่มีให้ผู้เรียน

    1. มีที่จอดรถให้ผู้เรียนทุกท่าน

    2. มีสมุดและปากกาให้ผู้เรียนทุกท่าน

    3. มีสัญญาณ WiFi ให้ผู้เรียนทุกท่าน

    4. มีปลั๊กไฟฟ้าให้ผู้เรียนทุกท่าน

    5. มีอาหารกลางวัน, เบรค เช้า-บ่าย และน้ำดื่มแบบขวด ให้ผู้เรียนทุกท่าน

    ________________________________

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้บรรยายโดยตรง

    16 x 9
  • ✅ หลักสูตร Digital Marketing Mindset จะพูดถึงวิธีคิดในการทำ Digital Marketing ที่ทรงพลังและยั่งยืน ที่ผู้เรียนสามารถเข้าใจในเนื้อหา และนำไปปฏิบัติตามได้

    ✅ หลังเรียนจบ ผู้บรรยาย (คุณอลงกรณ์ ดอกดวง, Founder & MD of BRANDING.co.th) จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับผู้เรียน 2 เดือน โดยสามารถขอคำปรึกษาได้ 24 ชั่วโมง ทุกวัน (ไม่สามารถโอนสิทธิ์นี้ให้กับผู้อื่นได้)

    ✅ สามารถขอคำปรึกษาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน 3 ช่องทาง คือ โทรศัพท์ 097-225-2555, LINE ID @branding และ Messenger

    ________________________________

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้บรรยายโดยตรง

    16 x 9

  • ✅ ข้อตกลงและเงื่อนไขในการเข้าร่วมหลักสูตร

    1. หลักสูตร Digital Marketing Mindset จะไม่ได้รับพนักงานที่แบรนด์ต่าง ๆ ส่งมาเรียน โดยเจ้าของธุรกิจจะต้องเป็นผู้ที่มาเรียนด้วยตัวเองเท่านั้น เนื่องจากเนื้อหาของหลักสูตรเป็นเรื่อง Mindset และการวางแผนของเจ้าของธุรกิจ

    2. ห้ามบันทึกเสียง, ห้าม LIVE และห้ามบันทึกวิดีโอเนื้อหาของหลักสูตร ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด ผู้เรียนสามารถถ่ายภาพและจดบันทึกเนื้อหาของหลักสูตรได้ โดยจะมีสมุดและปากกาให้ทุกที่นั่ง

    3. ห้ามเผยแพร่เนื้อหาของหลักสูตร Digital Marketing Mindset ในทุกช่องทางและทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น บทความ, ภาพ, เสียง, วิดีโอ หรืออื่น ๆ โดยห้ามเผยแพร่ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาส่วนหนึ่งส่วนใดหรือเนื้อหาทั้งหมดของหลักสูตร

    4. เนื้อหาของหลักสูตร Digital Marketing Mindset ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น บทความ, เสียง, วิดีโอในการบรรยาย หรืออื่น ๆ เป็นลิขสิทธิ์ของ บริษัท แบรนดิ้ง แอนด์ โซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง สแทรททิจิ (ประเทศไทย) จำกัด

    5. การให้บริการทั้งหมดของหลักสูตร Digital Marketing Mindset จะอยู่ภายใต้นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) จะไม่ถ่ายภาพผู้เรียนและจะไม่สัมภาษณ์ผู้เรียน โดยที่ผู้เรียนไม่ได้อนุญาต

    6. กรณีผู้เรียนให้ บริษัท/ผู้ได้รับมอบอำนาจ ถ่ายภาพหรือสัมภาษณ์ จะถือว่าท่านได้อนุญาตให้ บริษัท/ผู้ได้รับมอบอำนาจ เผยแพร่ข้อมูลแบบสาธารณะในสื่อทุกช่องทางที่ บริษัท/ผู้ได้รับมอบอำนาจ ใช้เผยแพร่ข้อมูล

    7. กรุณาปิดเสียงโทรศัพท์มือถือและเสียงอุปกรณ์ทุกชนิด ห้ามคุยโทรศัพท์ และห้ามกระทำการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดเสียงภายในห้องเรียน

    8. หลักสูตร Digital Marketing Mindset ไม่ใช่ Workshop แบบจับมือทำ แต่จะเป็นการบรรยาย เพื่อปรับ Mindset ในการทำ Digital Marketing ดังนั้น ผู้เรียนจะนำ Notebook มาด้วยหรือไม่ก็ได้ (จะไม่มีเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคช่วยแก้ไขในกรณีที่ Notebook ของผู้เรียนขัดข้อง)

    9. หลังเรียนจบ ผู้บรรยาย (คุณอลงกรณ์ ดอกดวง, Founder & MD of BRANDING.co.th) จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้กับผู้เรียน 2 เดือน โดยสามารถขอคำปรึกษาได้ 24 ชั่วโมง ทุกวัน ทางโทรศัพท์ 097-225-2555 และ LINE ID @branding (ไม่สามารถโอนสิทธิ์นี้ให้กับผู้อื่นได้)

    10. หลังเรียนจบ จะไม่มี Workshop ให้กับผู้เรียน



    ✅ ข้อตกลงและเงื่อนไขในการให้คำปรึกษา

    1. จะให้คำปรึกษาเฉพาะลูกค้าที่เรียนหลักสูตรนี้แล้วเท่านั้น จะไม่รวมถึง บริษัท/องค์กร/บุคคลในครอบครัว/ทีมงาน/ผู้ติดตาม ของลูกค้าที่ได้รับสิทธิ์ และไม่สามารถโอนสิทธิ์ในการขอคำปรึกษาให้กับผู้อื่นได้ในทุกกรณี

    2. ลูกค้าที่ซื้อหลักสูตรเอาไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าอบรม จะไม่สามารถให้คำปรึกษาได้ เนื่องจากทางบริษัทได้รับข้อมูลยังไม่เพียงพอต่อการวิเคราะห์เพื่อให้คำปรึกษา

    3. ทางบริษัทจะให้คำปรึกษาเฉพาะแนวทางที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและไม่ขัดต่อศีลธรรมอันดีงามเท่านั้น

    4. ทางบริษัทจะให้คำปรึกษาเท่านั้น จะไม่ได้ช่วยดูแลหรือบริหารจัดการธุรกิจให้กับลูกค้า

    5. ทางบริษัทจะให้คำปรึกษาภายใต้ขอบเขตเนื้อหาของหลักสูตรนี้เท่านั้น

    6. ทางบริษัทจะให้คำปรึกษาเพียง 1 แบรนด์ เท่านั้น โดยมีเงื่อนไขดังนี้

    - การทำตลาดบน Facebook จะให้คำปรึกษาเพียง 1 เพจ เท่านั้น
    - กรณีลูกค้ามีเว็บไซต์ จะให้คำปรึกษาเพียง 1 เว็บไซต์ เท่านั้น

    7. การดำเนินกลยุทธ์ตามเนื้อหาของหลักสูตร ให้เป็นดุลยพินิจของลูกค้า โดยทางบริษัทจะไม่ได้บังคับให้เชื่อและไม่ได้บังคับให้ลูกค้าต้องทำตาม

    8. ทางบริษัทจะไม่ได้ช่วยตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของลูกค้า โดยจะช่วยวิเคราะห์และให้คำปรึกษาเท่านั้น

    9. ทางบริษัทเพียงให้คำปรึกษาเท่านั้น ไม่ได้การันตียอดขายหรือความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจ

    10. จะให้คำปรึกษาจากประสบการณ์ของคุณอลงกรณ์ ดอกดวง (Founder & MD of BRANDING.co.th) เท่านั้น

    11. มีระยะเวลาในการให้คำปรึกษา 2 เดือน หลังจากเรียนจบ

    ________________________________

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับผู้บรรยายโดยตรง

    16 x 9
  • ✅ ค่าหลักสูตร (รวม VAT 7% แล้ว)

    • เรียนท่านเดียว แบบ Private
    ยอดโอน 39,900 บาท

    • เรียน 3 ท่าน
    ยอดโอน 19,900 บาท/ท่าน

    ✅ กรณี หัก ณ ที่จ่าย 3%

    • เรียนท่านเดียว แบบ Private
    ยอดโอน 38,781.31 บาท
    ยอด หัก ณ ที่จ่าย 1,118.69 บาท

    • เรียน 3 ท่าน
    ยอดโอน 19,342.06 บาท/ท่าน
    ยอด หัก ณ ที่จ่าย 557.94 บาท/ท่าน

    ✅ ข้อมูลบริษัท สำหรับทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย

    • บริษัท แบรนดิ้ง แอนด์ โซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง สแทรททิจิ (ประเทศไทย) จำกัด (สำนักงานใหญ่)

    • เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร 0105557128025

    • ที่อยู่ 299/754 หมู่บ้าน มัณฑนา เลค วัชรพล ถนนสุขาภิบาล 5 ซอย 63/2 แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร 10220

    • ให้ผู้เรียนนำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย มายื่นในวันเรียน

    • รับ ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ในวันเรียน

    ✅ วิธีการชำระเงิน

    ทางบริษัทรับชำระเงินเพียงวิธีเดียว
    คือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของบริษัท

    ธนาคารกสิกรไทย
    สาขา เทสโก้ โลตัส ประชาชื่น
    ชื่อบัญชี บจก. แบรนดิ้ง แอนด์ โซเชียล มีเดีย มาร์เก็ตติ้ง สแทรททิจิ (ประเทศไทย)
    เลขที่บัญชี 954-2-18082-7

    ✅ วิธีแจ้งชำระเงิน

    แจ้งชำระเงินได้ 3 ช่องทาง คือ โทรศัพท์, LINE และ Messenger

    16 x 9

✅ เรื่องที่ 2

ยอดขายไม่ได้เกิดจาก คุณเข้าถึงคนที่ใช่ แต่เกิดจาก คุณคือคนที่ใช่ ของคนที่คุณเข้าถึง (คุณไม่ได้จีบสาวติด เพราะสาวเป็นสเปกของคุณ แต่เพราะคุณเป็นสเปกของสาว)

✅ จงเป็นสเปกของสาว ไม่ใช่ตามตื๊อสาวในสเปก

ในโลกของ “การขาย” และ “การสร้างแบรนด์” หลายคนมุ่งเน้นที่การ “เจาะกลุ่มเป้าหมายที่ใช่” และพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อเข้าถึงคนกลุ่มนี้

แต่สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปคือความสำคัญของการสร้างแบรนด์ที่ทำให้เรา “เป็นคนที่ใช่” ของคนที่เราเข้าถึง

เพราะการที่ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อหรือไว้วางใจในแบรนด์ของเรา ไม่ได้เกิดจากเรารู้จักพวกเขาดีเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจากพวกเขารู้สึกว่า “เราคือคำตอบที่ใช่สำหรับพวกเขา”

ลองนึกถึงการจีบสาว หากคุณพยายามเข้าไปจีบสาวที่คุณมองว่า “เป็นสเปกของคุณ” นั่นเป็นเพียงความต้องการแค่ฝ่ายเดียว แต่หากคุณสามารถทำให้ตัวเอง “เป็นสเปกของเธอ” คุณก็จะกลายเป็นคนที่เธอสนใจเอง โดยที่คุณไม่ต้องใช้ความพยายามมากเกินไป

และ “การขาย” ก็เช่นกัน เราไม่ได้ประสบความสำเร็จ เพียงเพราะเราเข้าถึงคนที่ใช่ แต่เพราะเรา “เป็นแบรนด์ที่ใช่” สำหรับคนที่เราเข้าถึง

✅ ทำไมการเป็น “คนที่ใช่” จึงสำคัญกว่า?

1. เพราะจะช่วยสร้างความไว้วางใจ

ลูกค้าจะตัดสินใจซื้อเมื่อพวกเขารู้สึกว่าแบรนด์ของคุณเข้าใจปัญหา เข้าใจความต้องการ หรือมีคุณค่าที่พวกเขาให้ความสำคัญ การสร้างแบรนด์ที่ตอบโจทย์ และสื่อสารได้ตรงกับความคาดหวังของลูกค้า คือหัวใจสำคัญ

2. เพราะจะช่วยลดค่าการตลาด

หากคุณพยายาม “วิ่งตามกลุ่มเป้าหมายที่ใช่” โดยไม่ได้พัฒนาตัวตนของแบรนด์ให้เป็นแบรนด์ที่ใช่ของพวกเขา คุณจะเสียทั้ง “เวลา” และ “เงิน” ไปกับ “การทำตลาดที่ไม่ได้ผล” แต่ถ้าคุณทำให้ตัวเองเป็นที่ต้องการ กลุ่มเป้าหมายจะเข้าหาคุณเอง

3. เพราะลูกค้าจะซื้อซ้ำและบอกต่อ

การเป็น “คนที่ใช่สำหรับลูกค้า” ไม่ได้จบแค่การขายเพียงครั้งเดียว แต่จะเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ลูกค้าจะกลับมาซื้อซ้ำหรือแนะนำคุณให้กับคนอื่น โดยที่คุณไม่ต้องร้องขอ

✅ จะสร้างแบรนด์ให้เป็น “คนที่ใช่” ได้อย่างไร?

1. ต้องเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

หาข้อมูลให้ชัดเจนว่า ลูกค้าของคุณมีปัญหาอะไร และพวกเขาต้องการอะไรในผลิตภัณฑ์หรือบริการ

2. จงสร้างแบรนด์ที่มีจุดยืนและความเชื่อเดียวกัน

ผู้คนจะเชื่อมโยงกับแบรนด์ที่มีจุดยืนและความเชื่อเดียวกันกับพวกเขา คุณต้องสื่อสารสิ่งเหล่านี้ออกไปอย่างชัดเจนและจริงใจ

3. คุณต้องเป็น “ตัวจริง” ในสายของคุณ

ลูกค้าจะสัมผัสได้ถึงความจริงใจและคุณภาพ หากคุณขายสิ่งที่คุณเชื่อและมีความเชี่ยวชาญ ลูกค้าจะมองว่าคุณเป็น “ตัวจริง” ในสายตาของพวกเขา

4. ต้องแสดงความเชี่ยวชาญในสายของคุณ

การสร้างตัวเองให้เป็นคนที่ใช่ ไม่ได้หมายความว่าคุณต้อง “ขาย” ตลอดเวลา แต่คุณต้องแสดงให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญในสิ่งที่คุณทำ เช่น การให้ข้อมูลหรือคำแนะนำที่มีประโยชน์

5. ต้องสร้างประสบการณ์ที่ดี

สิ่งที่ทำให้คุณ “ใช่” ในสายตาของลูกค้า ไม่ใช่แค่ตัวสินค้าหรือบริการ แต่จะรวมถึงประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับจากแบรนด์ของคุณ ตั้งแต่การสื่อสาร ไปจนถึงการบริการหลังการขาย

การสร้างยอดขายและความสำเร็จทางธุรกิจ “ไม่ได้อยู่ที่การเข้าถึงคนที่ใช่เสมอไป” แต่ขึ้นอยู่กับว่า เราสามารถปรับตัวและพัฒนาตัวเอง “ให้เป็นคนที่ใช่” สำหรับคนที่เราเข้าถึงได้หรือไม่ “เพราะเมื่อคุณเป็นคนที่ใช่ ลูกค้าจะเลือกคุณเองอย่างเป็นธรรมชาติ”

______________________________


✅ เราอยากให้คุณ อ่านเรื่องนี้ช้า ๆ

มีหนุ่มคนนึง รู้ว่ามีสาวในสเปก ที่ยังโสด อยู่ท้ายซอย (คนที่ใช่ของตัวเอง) จึงให้พี่วินมอไซค์ที่อยู่ปากซอย ช่วยพาไปหาสาวคนนั้นหน่อย พี่วินจึงพาไปส่งที่ท้ายซอย และหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง หนุ่มคนนี้ก็กลับมาต่อว่าพี่วิน ว่าเป็นเพราะพี่วิน ทำให้ตัวเองจีบสาวคนนั้นไม่ติด

✅ ความหมายของตัวละครแต่ละตัว

1. หนุ่มคนนี้ คือ “แบรนด์” ที่ต้องการปิดการขายกลุ่มเป้าหมายบนโลกออนไลน์

2. พี่วินมอไซค์ คือ “Ads” เช่น Facebook Ads หรือ Google Ads ซึ่งเป็นเพียงผู้พาแบรนด์ไปส่ง และไม่ได้พาไปส่งผิดคน คือ Ads ไม่ได้ทำหน้าที่ผิดพลาด (ยิง Ads ตรงกลุ่มนั่นเอง)

3. สาวในสเปก คือ กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์ ซึ่งเป็น “คนที่ใช่”

✅ คำถามที่น่าสนใจคือ

1. พี่วินมอไซค์ (Ads) ถูกด่า ทั้ง ๆ ที่พาไปส่งไม่ผิดคน คุณคิดว่าพี่วินต้องรับผิดชอบการจีบสาวไม่ติดของหนุ่มคนนี้ไหม ?

2. จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหนุ่มคนนี้ คือผู้ชายในสเปกของสาวที่ตัวเองไปจีบ ?

✅ ข้อสรุปจากเรื่องนี้คือ

1. ยอดขายไม่ได้เกิดจาก คุณเข้าถึงคนที่ใช่ แต่เกิดจาก คุณคือคนที่ใช่ ของคนที่คุณเข้าถึง (หนุ่มคนนี้จะจีบสาวที่อยู่ท้ายซอยติด ถ้าเขาเป็นสเปกของสาวที่ตัวเองไปจีบ ไม่ได้จีบติดเพราะสาวเป็นสเปกของเขา)

2. ถ้าไปจีบโดยที่ตัวเองไม่ใช่สเปกของสาว เราเรียกว่าไปตี๊อ คุณอาจเคยได้ยินว่ามีแบรนด์ที่ยิง Ads จนเจ๊ง คือตื๊อจนเจ๊งนั่นเอง

3. หนุ่มคนนี้ควรทำการบ้านก่อนว่า ผู้ชายในสเปกของสาวที่ตัวเองจะไปจีบ นั้นเป็นยังไง แล้วทำตัวเองให้เป็นสเปกของสาวคนนั้นก่อน แล้วค่อยไปจีบ (บินไปเกาหลี ศัลยกรรมทั้งตัว ให้หล่อและตรงกับสเปกของสาวที่ตัวเองจะไปจีบ)

4. การทำให้หนุ่มคนนี้เป็นสเปกของสาวที่ตัวเองจะไปจีบ คือการ “ออกแบบแบรนด์” ให้ “ชัด แพง ต่าง” และอยู่ในรูปแบบของ “แบรนด์ระดับมืออาชีพ”

✅ เรื่องที่ 3

ใครที่กำลังเหนื่อยกับแอดมิน “ที่สร้างยอดขายไม่ได้” และพอคุณสอนงานจนเป็นงานแล้วก็ลาออก แล้วคุณก็ต้องเหนื่อยกับการรับสมัครแอดมินคนใหม่มาสอนงานใหม่ “วนลูปอยู่กับแอดมินที่สร้างยอดขายไม่ได้” อยู่อย่างนี้ไม่มีวันจบสิ้น ลองอ่านบทความนี้ดูนะครับ

✅ นี่คือปัญหาที่จะเกิดขึ้น หากคุณ “ไม่วางระบบ” ก่อนที่จะทำการตลาดออนไลน์

การไม่มีระบบที่ชัดเจน และพึ่งพายอดขายจากแอดมินหรือทีมขาย อาจมีผลเสียมากกว่าที่คุณคิด ต่อไปนี้คือผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น

1. จะเหนื่อยซ้ำซากกับการอธิบายลูกค้าใหม่ทุกครั้ง

ลูกค้าแต่ละคนที่เข้ามาแชทถาม (ผ่าน Line หรือ Messenger) อาจไม่มีข้อมูลมาก่อน จะทำให้คุณหรือแอดมินต้องเริ่มอธิบายทุกอย่างใหม่ตั้งแต่ศูนย์ในทุกเคส จะทำให้เสียพลังงานและเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

2. เปอร์เซ็นต์ที่ปิดการขายได้ จะต่ำมาก

ถ้าแอดมินของคุณไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในตัวสินค้าหรือบริการ หรือยังเรียนรู้งานไม่มากพอ เปอร์เซ็นต์ที่ปิดการขายได้ จะต่ำมาก นั่นหมายถึง “โอกาสในการสร้างยอดขายที่หายไป”

3. การยิง Ads จะ “เสียของ” และ “เสียเงิน” ไปฟรี ๆ

ถ้าคุณทำโฆษณาเพื่อดึงลูกค้ามาที่แชท แต่ไม่ได้เตรียมระบบหรือกระบวนการไว้ให้พร้อมที่จะ “เอาอยู่” คุณกำลังเสียเงินกับโฆษณาที่ไม่สามารถสร้างผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่ เสมือนคุณกำลัง “ยิง Ads เพื่อดึงลูกค้ามาทิ้ง”

4. คุณจะวนลูปอยู่กับการสอนแอดมินคนใหม่แบบไม่รู้จบ

หากแอดมินที่ได้รับการสอนงานแล้วลาออก คุณจะต้องกลับมารับสมัครแอดมินคนใหม่และสอนงานแอดมินคนใหม่อีกครั้ง โดยที่ไม่มีอะไรช่วยให้กระบวนการนี้ง่ายขึ้น เป็นการทำงานที่สูญเสียทั้งเวลา แรงกาย และแรงใจ

✅ ชีวิตจะดีขึ้นแค่ไหน? ถ้าคุณ “วางระบบ” ก่อนที่จะทำตลาดออนไลน์

แทนที่คุณจะให้แอดมินหรือคุณ เป็น “เดอะแบก” ในการปิดการขาย แนะนำให้คุณ “วางระบบ” สำหรับปิดการขายอัตโนมัติ วิธีนี้จะช่วยให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นมาก

1. เพราะจะช่วยลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างยอดขาย

การ “วางระบบ” ที่ดึงกลุ่มเป้าหมายไปศึกษาข้อมูลสินค้าก่อน เช่น หน้าเว็บไซต์, ระบบแชทบอท หรือหน้าขายแบบ Landing Page จะทำให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนก่อน แล้วค่อยทักมาซื้อหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม จะทำให้แอดมินหรือคุณ ไม่ต้องเริ่มอธิบายจากศูนย์ทุกเคส

2. การใช้ระบบ “นำเสนอข้อมูลแทนคน” จะทำได้ดีเหมือนเดิมทุกครั้งตลอด 24 ชั่วโมง ทุกวัน

ระบบจะถูกออกแบบให้นำเสนอข้อมูลที่สำคัญของสินค้าและบริการอย่างชัดเจน และ “ตรงกับ Pain Points ของกลุ่มเป้าหมาย” และที่สำคัญ “ระบบจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ขึ้นอยู่กับอารมณ์หรือความไม่เชี่ยวชาญของแอดมิน”

3. ระบบที่ถูกออกแบบอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดการสูญเสียลูกค้าที่มาจาก Ads

เมื่อระบบทำงานได้ดี ลูกค้าที่เข้ามาผ่านโฆษณาจะถูกดึงเข้าสู่กระบวนการปิดการขายที่มีประสิทธิภาพ ทำให้เพิ่มโอกาสปิดการขายได้มากขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งพาแอดมินเป็นหลัก

4. ให้แอดมินเป็นตัวเสริม ไม่ใช่เป็นตัวหลักในการขาย

ให้ระบบเป็นตัวหลักในการขาย ส่วนแอดมินให้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้ให้บริการที่จะช่วยสร้างความประทับใจแก่ลูกค้า เช่น ช่วยตอบคำถามที่ยังไม่มีในระบบ ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เป็นต้น

5. เมื่อคุณวางระบบ เท่ากับยุติวงจรสอนแอดมินใหม่ซ้ำซาก

เมื่อระบบเป็นศูนย์กลางของกระบวนการขาย คุณก็ไม่ต้องพึ่งพาแอดมินที่อาจจะลาออก หรือเริ่มกระบวนการสอนงานใหม่ทุกครั้งอีกต่อไป

✅ ตัวอย่าง “ระบบปิดการขายอัตโนมัติ” ที่คุณควรมี

• เว็บไซต์หรือหน้า Landing Page : สำหรับรวมข้อมูลสินค้า/บริการ จุดขาย จุดเด่น รีวิว และข้อมูลที่แก้ Pain Points ของลูกค้าทั้งหมด โดยต้องออกแบบให้ลูกค้าเข้าใจง่ายและประทับใจ (UX / UI)

• ระบบแชทบอท : สำหรับตอบคำถามทั่วไป เพื่อช่วยกรองลูกค้า ก่อนส่งต่อให้แอดมินหรือคุณ

• ฟอร์มสั่งซื้อออนไลน์ : สำหรับลดขั้นตอนการสอบถามไปมา ที่จะทำให้ยุ่งยากและเสียเวลา

• คอนเทนท์ที่ให้ข้อมูลล่วงหน้า : เช่น วิดีโอ หรือโพสต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสินค้า

การพึ่งพาแอดมินในการขาย โดยไม่มีระบบรองรับ คุณอาจขายได้ในระยะสั้น แต่จะเหนื่อยและเสียต้นทุนสูงในระยะยาว หากคุณวางระบบปิดการขายอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพ คุณจะลดภาระงานที่ซ้ำซาก สร้างผลลัพธ์ได้อย่างยั่งยืน และช่วยให้คุณมีเวลาทำงานเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

เพราะฉะนั้น อย่าให้การสอนงานแอดมินและปัญหาเดิม ๆ มาฉุดรั้งธุรกิจของคุณอีกต่อไป “ระบบที่ดีคือกุญแจสำคัญในการยกระดับธุรกิจและชีวิตของคุณ”

bottom of page