top of page

All Courses

หลักสูตรทั้งหมดของ BRANDING.co.th ให้บริการทุกขั้นตอน โดย คุณอลงกรณ์ ดอกดวง (Founder & MD of BRANDING.co.th) โดยกลยุทธ์และวิธีคิดของทุกหลักสูตร มาจากประสบการณ์ในการสอนและให้คำปรึกษาแบรนด์ต่าง ๆ กว่า 10 ปี

รูปแบบการให้บริการ จะมีทั้ง

• การโค้ช (Coaching)
• เป็นพี่เลี้ยง (Mentoring) และ
• เวิร์คช็อป (Workshop) แบบจับมือทำ (ไม่ทุกหลักสูตร)

Digital Marketing Mindset

วิธีคิดพิชิตตลาดดิจิทัล

เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนที่คุณจะสร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง

1. นี่คือความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ถ้าคุณไม่วางระบบก่อน แล้วค่อยทำตลาดออนไลน์

ถ้าไม่วางระบบ คุณจะดึงลูกค้าเข้าแชท (Line หรือ Messenger) เพื่อให้แอดมิน (หรือคุณ) เป็นเดอะแบก คอยอธิบายโดยเริ่มต้นจาก 0 ทุกเคส เหนื่อยแล้วยังไม่พอ ถ้าคุณฝากยอดขายเอาไว้กับแอดมินที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่ขาย จะทำให้เปอร์เซ็นต์ที่ปิดได้นั้นต่ำมาก ๆ ถ้าคุณยิง Ads ก็เท่ากับยิง Ads ดึงคนมาให้เสียของฟรี ๆ และคุณก็ต้องเหนื่อยกับการสอนงานแอดมิน ให้พอทำงานได้ หากเป็นงานแล้วลาออก คุณก็ต้องเหนื่อยกับการสอนแอดมินคนใหม่ วนลูปอยู่อย่างนี้ ไม่มีวันจบสิ้น

2. แล้วถ้าคุณวางระบบล่ะ ชีวิตของคุณจะดีขึ้นยังไง

ถ้าคุณวางระบบ คุณจะดึงคนไปที่ “ระบบปิดการขายอัตโนมัติ” เมื่อลูกค้าศึกษาข้อมูลสินค้าแล้ว หากตัดสินใจซื้อหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็จะมีปุ่มแชทให้ลูกค้าทัก คือให้ศึกษาก่อนแล้วค่อยทัก จึงไม่มีใครต้องเหนื่อยกับการนำเสนอข้อมูลโดยเริ่มต้นจาก 0 ทุกเคส นอกจากจะไม่เหนื่อยแล้ว คุณก็ไม่ต้องเสี่ยงฝากยอดขายเอาไว้กับแอดมินที่ไม่เชี่ยวชาญในสิ่งที่ขาย เพราะระบบจะนำเสนออย่างเชี่ยวชาญและมีประสิทธิภาพสูงเหมือนเดิมทุกครั้ง วิธีนี้จะให้ระบบเป็นตัวหลักในการปิดการขาย ส่วนแอดมินจะให้คอยดูแลและอำนวยความสะดวก เพื่อสร้างความประทับใจ

3. ยอดขายไม่ได้เกิดจาก คุณเข้าถึงคนที่ใช่ แต่เกิดจาก คุณคือคนที่ใช่ ของคนที่คุณเข้าถึง

ถ้าคุณคือหนุ่มโสด การจะหาสาวในสเปกของคุณ นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะมันง่ายมาก ๆ แต่ปัญหาคือ ถ้าคุณไม่ใช่สเปกของเธอ คุณจะจีบเธอไม่ติด การตื๊ออาจไม่ได้ผล (ยิง Ads ตรงกลุ่ม แต่ไม่มียอดขาย) ดังนั้น คุณต้องรู้สเปกผู้ชายในฝันของเธอ แล้วทำตัวเองให้เป็นสเปกของเธอ ก่อนที่จะไปจีบ

4. เกมที่คุณกำลังเล่นอยู่ คือทำอย่างไร ให้กลุ่มเป้าหมายคัดคู่แข่งของคุณทิ้ง แล้วเหลือคุณไว้เป็นคำตอบของพวกเขา

เวลาผู้คนจะซื้อบางสิ่ง พวกเขาไม่ได้เจอแค่แบรนด์ของคุณ แต่พวกเขาจะเจอคู่แข่งของคุณอีกนับสิบ ๆ แบรนด์ ถ้าแบรนด์ของคุณ ตรงสเปกของกลุ่มเป้าหมายมากกว่าคู่แข่ง กลุ่มเป้าหมายก็จะคัดคู่แข่งของคุณทิ้งทีละแบรนด์ แล้วมงก็จะลงที่แบรนด์ของคุณ และคุณก็อาจไม่จำเป็นต้องลงไปเล่นในสงครามราคา

5. คิดจะจับปลาวาฬ (ลูกค้ากลุ่มบน) คุณต้องขุดอ่าวให้กว้างและลึก พอที่ปลาวาฬจะว่ายเข้ามาได้

อย่าคุยเรื่องราคากับปลาวาฬ เพราะปลาวาฬ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน แต่ปัญหาของปลาวาฬคือ พวกเขาหาสิ่งที่ “พิเศษ” แบบที่อยากได้ไม่เจอ ดังนั้น คุณต้องรู้วิธีสร้างความพิเศษให้กับแบรนด์ของคุณ ด้วยการออกแบบแบรนด์ให้ “ชัด แพง ต่าง” และอยู่ในรูปแบบของ “มืออาชีพ” เพราะลูกค้ากลุ่มปลาวาฬ จะเลือกมืออาชีพเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้

6. คุณเคยเห็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว แต่ทรงเหมือนเจ้าตลาดไหมครับ และดูเหมือนเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่เปิดมานานแล้วเสียด้วย (ทรงยึดหัวหาดในวงการ)

เมื่อคุณรู้วิธีออกแบบแบรนด์ให้อยู่ในทรงของเจ้าตลาด สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ แบรนด์ของคุณจะมีความน่าเชื่อถือสูงเหมือนแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และจะได้รับความไว้วางใจในทันที กลยุทธ์นี้จะช่วยลดเวลาและลดค่าการตลาดให้คุณอย่างมหาศาล กลยุทธ์นี้คือกลยุทธ์ที่ไม่อาจประเมินค่าได้

Digital Marketing Mindset (Private)

วิธีคิดพิชิตตลาดดิจิทัล (Private)

เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนที่คุณจะสร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง

1. นี่คือความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ถ้าคุณไม่วางระบบก่อน แล้วค่อยทำตลาดออนไลน์

ถ้าไม่วางระบบ คุณจะดึงลูกค้าเข้าแชท (Line หรือ Messenger) เพื่อให้แอดมิน (หรือคุณ) เป็นเดอะแบก คอยอธิบายโดยเริ่มต้นจาก 0 ทุกเคส เหนื่อยแล้วยังไม่พอ ถ้าคุณฝากยอดขายเอาไว้กับแอดมินที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสิ่งที่ขาย จะทำให้เปอร์เซ็นต์ที่ปิดได้นั้นต่ำมาก ๆ ถ้าคุณยิง Ads ก็เท่ากับยิง Ads ดึงคนมาให้เสียของฟรี ๆ และคุณก็ต้องเหนื่อยกับการสอนงานแอดมิน ให้พอทำงานได้ หากเป็นงานแล้วลาออก คุณก็ต้องเหนื่อยกับการสอนแอดมินคนใหม่ วนลูปอยู่อย่างนี้ ไม่มีวันจบสิ้น

2. แล้วถ้าคุณวางระบบล่ะ ชีวิตของคุณจะดีขึ้นยังไง

ถ้าคุณวางระบบ คุณจะดึงคนไปที่ “ระบบปิดการขายอัตโนมัติ” เมื่อลูกค้าศึกษาข้อมูลสินค้าแล้ว หากตัดสินใจซื้อหรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ก็จะมีปุ่มแชทให้ลูกค้าทัก คือให้ศึกษาก่อนแล้วค่อยทัก จึงไม่มีใครต้องเหนื่อยกับการนำเสนอข้อมูลโดยเริ่มต้นจาก 0 ทุกเคส นอกจากจะไม่เหนื่อยแล้ว คุณก็ไม่ต้องเสี่ยงฝากยอดขายเอาไว้กับแอดมินที่ไม่เชี่ยวชาญในสิ่งที่ขาย เพราะระบบจะนำเสนออย่างเชี่ยวชาญและมีประสิทธิภาพสูงเหมือนเดิมทุกครั้ง วิธีนี้จะให้ระบบเป็นตัวหลักในการปิดการขาย ส่วนแอดมินจะให้คอยดูแลและอำนวยความสะดวก เพื่อสร้างความประทับใจ

3. ยอดขายไม่ได้เกิดจาก คุณเข้าถึงคนที่ใช่ แต่เกิดจาก คุณคือคนที่ใช่ ของคนที่คุณเข้าถึง

ถ้าคุณคือหนุ่มโสด การจะหาสาวในสเปกของคุณ นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะมันง่ายมาก ๆ แต่ปัญหาคือ ถ้าคุณไม่ใช่สเปกของเธอ คุณจะจีบเธอไม่ติด การตื๊ออาจไม่ได้ผล (ยิง Ads ตรงกลุ่ม แต่ไม่มียอดขาย) ดังนั้น คุณต้องรู้สเปกผู้ชายในฝันของเธอ แล้วทำตัวเองให้เป็นสเปกของเธอ ก่อนที่จะไปจีบ

4. เกมที่คุณกำลังเล่นอยู่ คือทำอย่างไร ให้กลุ่มเป้าหมายคัดคู่แข่งของคุณทิ้ง แล้วเหลือคุณไว้เป็นคำตอบของพวกเขา

เวลาผู้คนจะซื้อบางสิ่ง พวกเขาไม่ได้เจอแค่แบรนด์ของคุณ แต่พวกเขาจะเจอคู่แข่งของคุณอีกนับสิบ ๆ แบรนด์ ถ้าแบรนด์ของคุณ ตรงสเปกของกลุ่มเป้าหมายมากกว่าคู่แข่ง กลุ่มเป้าหมายก็จะคัดคู่แข่งของคุณทิ้งทีละแบรนด์ แล้วมงก็จะลงที่แบรนด์ของคุณ และคุณก็อาจไม่จำเป็นต้องลงไปเล่นในสงครามราคา

5. คิดจะจับปลาวาฬ (ลูกค้ากลุ่มบน) คุณต้องขุดอ่าวให้กว้างและลึก พอที่ปลาวาฬจะว่ายเข้ามาได้

อย่าคุยเรื่องราคากับปลาวาฬ เพราะปลาวาฬ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน แต่ปัญหาของปลาวาฬคือ พวกเขาหาสิ่งที่ “พิเศษ” แบบที่อยากได้ไม่เจอ ดังนั้น คุณต้องรู้วิธีสร้างความพิเศษให้กับแบรนด์ของคุณ ด้วยการออกแบบแบรนด์ให้ “ชัด แพง ต่าง” และอยู่ในรูปแบบของ “มืออาชีพ” เพราะลูกค้ากลุ่มปลาวาฬ จะเลือกมืออาชีพเท่านั้น ไม่ใช่ใครก็ได้

6. คุณเคยเห็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งเปิดตัว แต่ทรงเหมือนเจ้าตลาดไหมครับ และดูเหมือนเป็นแบรนด์เก่าแก่ที่เปิดมานานแล้วเสียด้วย (ทรงยึดหัวหาดในวงการ)

เมื่อคุณรู้วิธีออกแบบแบรนด์ให้อยู่ในทรงของเจ้าตลาด สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ แบรนด์ของคุณจะมีความน่าเชื่อถือสูงเหมือนแบรนด์ที่มีชื่อเสียง และจะได้รับความไว้วางใจในทันที กลยุทธ์นี้จะช่วยลดเวลาและลดค่าการตลาดให้คุณอย่างมหาศาล กลยุทธ์นี้คือกลยุทธ์ที่ไม่อาจประเมินค่าได้

Powerful Personal Branding

ปั้นตัวเองอย่างไรให้ทรงพลัง

เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนที่คุณจะสร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง

1. ทรงต้องแพง | จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ทุกประเภท รวมถึงการทำ Personal Branding คือต้องออกแบบแบรนด์ให้ได้ราคา คือออกแบบแบรนด์ให้อยู่ในทรงแพง (ทรงจะขึ้นอยู่กับสายของคุณ และไม่ได้หมายถึงต้องเป็นคนสวย)

“ทรงของแบรนด์” (Brand Body Language) นั้นสำคัญมาก ๆ ครับ เหมือนผู้หญิงหรือผู้ชายที่งานดี คือทรงแพง และเมื่อคุณอยู่ในทรงแพง คุณก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะ ทำตัวนิ่ง ๆ แพง ๆ ก็เอาอยู่ และที่สำคัญ คนที่ทรงแพง มักจะได้ สามี/ภรรยา รวย กรณีเป็นแบรนด์ จะเป็นการคัดลูกค้าไปในตัว คือจะได้ลูกค้ากลุ่มบนหรือรายใหญ่

2. แจ้งเกิดเป็น | การแจ้งเกิด จะขึ้นอยู่กับ (1) มีสิ่งที่คนอยากติดตาม ซึ่งจะอยู่ที่การออกแบบแบรนด์ (2) ตี Content Marketing แตก (3) มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ทำจริง ๆ

หลายคนมี ข้อ (1) และ ข้อ (3) แต่ขาด ข้อ (2) จึงยังอยู่ที่เดิม แม้จะพยายามทำ Personal Branding มาหลายปีแล้ว โดยสาระสำคัญของ ข้อ (2) คือรู้วิธีเขียน Content ที่เป็น Organic Viral Content คือ Content ที่คนแชร์เยอะ ๆ ผู้บรรยายเคยสร้างผู้ติดตามเพจกว่า 1 แสนคน จากโพสต์เดียวมาแล้ว ผู้เรียนจะได้เห็นโพสต์ดังกล่าวนี้

3. เห็นรายได้ | อย่าภูมิใจกับ insight ที่ไร้ income อย่าภูมิใจกับตัวเลขจำนวนผู้ติดตาม แต่ไม่มีรายได้

การทำ Personal Branding จะไม่ได้มองแค่จำนวนผู้ติดตาม ผู้บรรยายเคยพาลูกค้าที่มาเรียน สร้างผู้ติดตามเพจหลักแสน ภายในหนึ่งเดือน มาแล้วหลายท่าน (เริ่มต้นจาก 0, แบบ Organic) แต่ไม่ได้ประโยชน์ทางธุรกิจใด ๆ ไม่สามารถใช้เพจเป็นช่องทางสำหรับขาย เพราะไม่มีอะไรจะขาย คือไม่มีธุรกิจรองรับที่เป็นเรื่องเป็นราว

4. โตไวและยั่งยืน | สิ่งที่จะทำให้คุณเติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน คือ (1) ของต้องโดน และปล่อยของเป็น คือรู้วิธีทำให้คนโดนของ (2) คุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนได้จริง ๆ

คือ “ของ” ต้องชัด ต้องแพง ต้องต่าง ต้องมีจุดขาย จึงจะมีคนโดนของ อย่าเพิ่งรีบสร้างผู้ติดตาม ถ้าผู้คนยังไม่มีเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงต้องมาติดตามคุณ จงลบประเด็นทางเทคนิคออกไปก่อน เช่น ถูกปิดกั้น ถูกลดค่าการมองเห็น แล้วมาโฟกัสที่การสร้างคุณค่า ที่ผู้คนได้ประโยชน์จากคุณ แบบจับต้องได้จริง ๆ แล้วมาดูว่า คุณจะเติบโตอย่างยั่งยืนไหม

Powerful Personal Branding (Private)

ปั้นตัวเองอย่างไรให้ทรงพลัง (Private)

เรื่องที่ต้องรู้ ก่อนที่คุณจะสร้างแบรนด์และทำตลาดออนไลน์อย่างจริงจัง

1. ทรงต้องแพง | จุดเริ่มต้นของการสร้างแบรนด์ทุกประเภท รวมถึงการทำ Personal Branding คือต้องออกแบบแบรนด์ให้ได้ราคา คือออกแบบแบรนด์ให้อยู่ในทรงแพง (ทรงจะขึ้นอยู่กับสายของคุณ และไม่ได้หมายถึงต้องเป็นคนสวย)

“ทรงของแบรนด์” (Brand Body Language) นั้นสำคัญมาก ๆ ครับ เหมือนผู้หญิงหรือผู้ชายที่งานดี คือทรงแพง และเมื่อคุณอยู่ในทรงแพง คุณก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเยอะ ทำตัวนิ่ง ๆ แพง ๆ ก็เอาอยู่ และที่สำคัญ คนที่ทรงแพง มักจะได้ สามี/ภรรยา รวย กรณีเป็นแบรนด์ จะเป็นการคัดลูกค้าไปในตัว คือจะได้ลูกค้ากลุ่มบนหรือรายใหญ่

2. แจ้งเกิดเป็น | การแจ้งเกิด จะขึ้นอยู่กับ (1) มีสิ่งที่คนอยากติดตาม ซึ่งจะอยู่ที่การออกแบบแบรนด์ (2) ตี Content Marketing แตก (3) มีอุดมการณ์ในสิ่งที่ทำจริง ๆ

หลายคนมี ข้อ (1) และ ข้อ (3) แต่ขาด ข้อ (2) จึงยังอยู่ที่เดิม แม้จะพยายามทำ Personal Branding มาหลายปีแล้ว โดยสาระสำคัญของ ข้อ (2) คือรู้วิธีเขียน Content ที่เป็น Organic Viral Content คือ Content ที่คนแชร์เยอะ ๆ ผู้บรรยายเคยสร้างผู้ติดตามเพจกว่า 1 แสนคน จากโพสต์เดียวมาแล้ว ผู้เรียนจะได้เห็นโพสต์ดังกล่าวนี้

3. เห็นรายได้ | อย่าภูมิใจกับ insight ที่ไร้ income อย่าภูมิใจกับตัวเลขจำนวนผู้ติดตาม แต่ไม่มีรายได้

การทำ Personal Branding จะไม่ได้มองแค่จำนวนผู้ติดตาม ผู้บรรยายเคยพาลูกค้าที่มาเรียน สร้างผู้ติดตามเพจหลักแสน ภายในหนึ่งเดือน มาแล้วหลายท่าน (เริ่มต้นจาก 0, แบบ Organic) แต่ไม่ได้ประโยชน์ทางธุรกิจใด ๆ ไม่สามารถใช้เพจเป็นช่องทางสำหรับขาย เพราะไม่มีอะไรจะขาย คือไม่มีธุรกิจรองรับที่เป็นเรื่องเป็นราว

4. โตไวและยั่งยืน | สิ่งที่จะทำให้คุณเติบโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืน คือ (1) ของต้องโดน และปล่อยของเป็น คือรู้วิธีทำให้คนโดนของ (2) คุณสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนได้จริง ๆ

คือ “ของ” ต้องชัด ต้องแพง ต้องต่าง ต้องมีจุดขาย จึงจะมีคนโดนของ อย่าเพิ่งรีบสร้างผู้ติดตาม ถ้าผู้คนยังไม่มีเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงต้องมาติดตามคุณ จงลบประเด็นทางเทคนิคออกไปก่อน เช่น ถูกปิดกั้น ถูกลดค่าการมองเห็น แล้วมาโฟกัสที่การสร้างคุณค่า ที่ผู้คนได้ประโยชน์จากคุณ แบบจับต้องได้จริง ๆ แล้วมาดูว่า คุณจะเติบโตอย่างยั่งยืนไหม

bottom of page